ALL QUIET ON THE WESTERN FRONT

ภาพยนตร์สงครามที่เล่าถึงเรื่องราวของทหารฝั่งเยอรมัน 

        เป็นความจริงไม่น้อยสำหรับคำที่กล่าวว่าประวัติศาสตร์นั้นถูกเขียนขึ้นมาโดยผู้ที่ชนะ ใครที่พ่ายแพ้ในสงครามนอกจากจะไม่มีสิทธิ์ออกเสียงแล้วพวกเขานั้นยังไม่ค่อยได้รับความสนใจเท่าที่ควรอีกด้วย หนังน่าดู2023  อย่างเช่นเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 เรื่องราวส่วนใหญ่นั้นมักจะเล่าถึงทหารฝ่ายสัมพันธมิตรเป็นหลัก เนื่องจากทหารฝ่ายสัมพันธมิตรเป็นฝ่ายที่สามารถคว้าชัยชนะในสงครามได้สำเร็จ มีเพียงแค่ภาพยนตร์ไม่กี่เรื่องที่เล่าเรื่องราวทหารฝ่ายอักษะหรือฝ่ายเยอรมัน หรือถ้าเล่าก็จะเล่าออกมาในรูปแบบของตัวร้ายเป็นหลักมากกว่า แตกต่างจากภาพยนตร์ที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้นั่นก็คือ ALL QUIET ON THE WESTERN FRONT 

         ภาพยนตร์แนวสงครามโลกที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริง เล่าถึงเหตุการณ์ที่ทหารฝ่ายเยอรมันต้องก้มหน้ารับผลกระทบทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากสงครามที่พวกเขาบางคนไม่ได้เห็นด้วยสักเท่าไหร่ ภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าถึงเรื่องราวของทหารหนุ่มจากเยอรมันคนหนึ่งที่มีชื่อว่าพอล เขาต้องออกไปอยู่ในสมรภูมิรบแนวหน้าทางฝั่งตะวันตกในสงครามโลกครั้งที่ 1 ในช่วงเริ่มต้นเขาและเพื่อนร่วมรบนั้นได้สัมผัสกับประสบการณ์ความสนุกสนานและความตื่นเต้นไม่ต่างอะไรจากการเล่นเกมแนว ACTION แม้แต่น้อย จนกระทั่งเขาเริ่มตระหนักได้ว่านี่คือชีวิตจริงไม่ใช่เกมแต่อย่างใด

       

           และในสมรภูมิรบแนวหน้าแบบนี้ไม่ว่าใครก็มีโอกาสตายด้วยกันทั้งสิ้น ความรู้สึกของทหารเยอรมันในแนวหน้าแต่ละคนเริ่มเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความสิ้นหวัง พวกเขาต้องพยายามต่อสู้เอาชนะเหนือศัตรูให้สำเร็จเพื่อรักษาชีวิตของตนเองและเพื่อนทหารเอาไว้ให้ได้ แต่การเอาชีวิตรอดในสนามเพลาะนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแม้แต่น้อย และในยุคนั้นอาวุธก็เน้นการฆ่าฟันกันโดยไม่สนใจมนุษยธรรม เรื่องราวของเขาจะจบลงอย่างไรต้องไปติดตามรับชมกันต่อในภาพยนตร์ 

                ALL QUIET ON THE WESTERN FRONT เป็นภาพยนตร์ที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวเนื่องจากนำเสนอแนวสงครามโดยเน้นเล่าเรื่องราวของทหารเยอรมันที่พ่ายแพ้สงครามดังกล่าวไป แต่ก็ไม่น่าแปลกใจสักเท่าไหร่เพราะผู้กำกับที่มานั่งแท่นดูแลภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นชายชาวเยอรมันที่มีชื่อว่าเอ็ดเวิร์ด เบอร์เกอร์ หลายปีก่อนเขาสามารถแจ้งเกิดได้อย่างงดงามกับภาพยนตร์เรื่อง JACK ในครั้งนี้เขาได้หยิบยกนำเอานวนิยายที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามมาสร้างสรรค์ในรูปแบบภาพยนตร์แนวต่อต้านสงคราม โดยวรรณกรรมเรื่องดังกล่าวนั้นเป็นวรรณกรรมคลาสสิคขึ้นหิ้งอีกเรื่องหนึ่งที่ได้รับความนิยมในเยอรมัน และผู้กำกับผู้นี้ก็สามารถถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้อย่างน่าประทับใจ สามารถสะท้อนความโหดร้ายที่เกิดขึ้นในสงครามโลกครั้งที่ 1 ออกมาได้เป็นอย่างดี และช่วงเวลาของภาพยนตร์นั้นก็เป็นช่วงท้ายสงครามที่ใกล้จะจบสิ้นลงแล้ว 

ทหารเยอรมันทุกคนในสนามเพลาะต่างรู้ดีว่าอีกไม่นานพวกเขาต้องสังเวยชีวิตของตนเองอย่างแน่นอน สภาพความเป็นอยู่ในช่วงเวลานั้นจึงเต็มไปด้วยความน่าหดหู่ เหล่าทหารเด็กวัยรุ่นที่ไม่เคยสัมผัสกับการต่อสู้มาก่อนในช่วงแรกอาจรู้สึกตื่นเต้น แต่หลังจากที่เขาต้องเผชิญหน้ากับดงกระสุนพวกเขาก็เริ่มมองเห็นถึงความน่ากลัวและความโหดร้ายของสงคราม เป็นภาพยนตร์ที่ให้กลิ่นอายคล้ายกับภาพยนตร์รางวัลออสการ์อย่าง 1917 แต่หากเทียบชั้นแล้วก็ยังไม่สามารถเทียบได้อยู่ดี ถึงอย่างไรก็ตามก็เป็นภาพยนตร์ที่ทำออกมาได้ค่อนข้างน่าสนใจไม่น้อย ฉากสงครามสามารถทำให้ผู้รับชมอย่างเรารู้สึกอยากจะรับชมต่อไปได้เป็นอย่างดี แต่สิ่งที่น่าเสียดายก็คือแกนหลักของเรื่องนั้นไม่มีความหนักแน่นมากพอ ทำให้การเล่าเรื่องในบางช่วงดูยืดยาวจนน่าเบื่อไปสักหน่อย